มะเร็งปากมดลูก : ปัจจุบัน ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย แต่ละปีมีหญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 6,500-7,000 คน ร้อยละ 40-50 จะเสียชีวิต ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพี วี
เชื้อเอชพีวี : เป็น ไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัส ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อไวรัสผ่านเข้าทางเยื่อบุอวัยวะเพศหรือปากมดลูกเมื่อมีแผลหรือรอย ถลอก เชื้อเอชพีวีมีกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ชนิดที่จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมี 15 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก ที่เหลืออีกร้อยละ 30 เกิดจากไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์อื่น เชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็งจะทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นรอยโรคก่อนมะเร็ง และถ้ารอยโรคก่อนมะเร็งนี้ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องก็จะกลาย เป็นมะเร็งในที่สุด ดังนั้น สตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วควรได้รับการตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของเซลล์ปาก มดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นวินิจฉัยและการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนเอชพีวี : ปัจจุบัน มีจำหน่าย 2 ชนิด คือ 1.ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อแล้วกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 6,11,16,18 และ 2.ชนิดที่กระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16,18 จากการศึกษาวัคซีนทั้ง 2 ชนิด มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็ง สายพันธุ์ 16 และ 18 เท่านั้น จึงป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณร้อยละ 70 (ไม่ใช่ร้อยละ 100) ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้ จึงยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอต่อไป
สำหรับวัคซีนชนิดที่กระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 6 และ 11 จะป้องกันโรคหูดหงอนไก่ที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 6 และ 11 ได้ด้วย ทั้งนี้ วัคซีนทั้ง 2 ชนิด ใช้สำหรับป้องกันเท่านั้น และจะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อฉีดก่อนได้รับเชื้อเอชพีวี หรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ส่วนในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว ถ้าได้รับเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีอยู่ในวัคซีน 16 หรือ 18 สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง หรือทั้ง 2 สายพันธุ์อยู่ก่อนแล้วการฉีดวัคซีนจะได้ประโยชน์น้อยลง
ปัจจุบัน มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีในสตรีอายุ 11-26 ปี (ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก) สำหรับการฉีดวัคซีนเอชพีวีในหญิงช่วงอายุมากกว่า 26 ปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นรายๆ ไป และปัจจุบันไม่แนะนำให้ตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีนเอชพีวีต้องฉีด 3 ครั้ง คือ เมื่อเริ่มฉีดครั้งแรก หลังจากนั้น 1-2 เดือน จะฉีดครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรก 6 เดือน ปัจจุบันราคาวัคซีนเอชพีวี 3 เข็ม ประมาณ 12,000-14,000 บาท
จาก การศึกษาในผู้หญิงอายุ 9-55 ปี พบว่าการฉีดวัคซีนเอชพีวีอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่อาจมีอาการบวม แดง มีไข้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงเหมือนการฉีดวัคซีนอื่นๆ จากการติดตามหลังฉีดแล้ว 6 ปี พบว่าภูมิคุ้มกันเชื้อเอชพีวีอยู่ในระดับที่สูงพอ จึงยังไม่มีข้อบ่งชี้ให้ฉีดกระตุ้นซ้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเอชพีวีในผู้ชาย และในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
หาก ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้วัคซีนเอชพีวี หรือมะเร็งปากมดลูก ติดต่อที่ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย (www.rtcog.or.th) หรือที่สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย
Interactive Games
Kids Party Games
Virtual Real Life Games
Drinking Games Cards
Multiplayer Online Rpg Games
Play Free Cherry Machine Games
The Westing Game
Classic Video Games
Free Chess Games
Free Online Games For Girls
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น