ทั้ง นี้รศ.นพ. วีระศักดิ์ ว่องไพฑูรย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหารและโรคตับได้อธิบายให้ทราบว่า เชื้อไวรัสตับอักเสบนั้นมีแบ่งออกเป็นไวรัสตับอักเสบชนิด เอ บี ซี ดี อี แต่ว่าชนิดบีนั้นน่าเป็นห่วงที่สุด
ทั้งนี้เนื่องจากว่า ไวรัสตับอักเสบชนิดบีนั้นอาจจะกลายเป็นภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด ซึ่งกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยมะเร็งตับนั้นมีประวัติเป็นไวรัสตับอักเสบบีมาก่อนแทบทั้งสิ้น
ความน่ากลัวของไวรัสตับเอกเสบบีนั้น อยู่ตรงที่ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจะไม่รู้ตัว เพราะว่าไม่มีอาการป่วยใด ๆ แสดงให้เห็นเลย ในผู้ป่วยบางคนอาจจะมีไข้ หรือปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นหวัดธรรมดาเท่านั้น และเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะไปอาศัยนิวเคลียสในตับและพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นไวรัสที่สมบูรณ์กระจาย ตัวอยู่ในกระแสเลือดแล้วจึงแพร่เชื้อเข้าสู่เซลล์อื่น ๆ ต่อไป
โรคไวรัสตับอักเสบบี มีสองชนิด 
คือแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง ซึ่งแบบเฉียบพลันนั้น เมื่อมีการรับเชื้อเข้าไปแล้ว จะมีอาการ เป็นไข้เป็นหวัด ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้น ตัวจะเริ่มเหลือง ตาก็จะเริ่มเหลืองตามมา หลังจากนั้นร่างกายที่จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาทำให้ผู้ป่วยจะไม่กลับไปเป็นไวรัสตับอักเสบบีอีกแต่ภูมิคุ้มกันนี้ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ ทำให้ผู้ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบชนิดเรื้อรังและอาจจะกลายเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับต่อไป
ส่วนไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรังนั้น ส่วนใหญ่จะพบในวัยทารกหรือในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะติดมาจากมารดาหลังคลอดทั้งนี้ที่พบในวันเด็กมากมายนั้นเป็นเพราะ ว่าเด็ก ๆ นั้นภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ร่างกายยังไม่รับรู้ว่ามีเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อเหล่านี้จึงไปอยู่ในตับ แต่ว่าเด็ก ๆ จะไม่มีอาการตับอักเสบ ซึ่งถือว่าเป็นแค่พาหะไวรัสบีเฉย ๆเมื่อร่างกายของเด็กโตขึ้น ก็จะสร้างภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อเอง ในบางรายอาจจะต่อสู้กันสำเร็จ แต่ในบางรายอาจจะไม่สามารถสู้ได้จึงเกิดภาวะตับอักเสบเป็น ๆ หาย ๆ และกลายมาเป็นโรคเรื้อรังในวัยผู้ใหญ่
ติดเชื้อหรือเปล่านะ ? เรา ไม่ทางรู้ได้เลยว่าเราหรือคนอื่น ๆ จะติดเชื้อเข้าไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากไม่มีอาการของโรคให้เห็นเลย แต่ช่องทางสำคัญที่สามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีนั้นมีอยู่ด้วยกัน สามทาง คือ
1. การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
2. การรับเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้เป็นพาหะ เช่น การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน อย่างแปรงสีฟัน เข็มฉีดยา มีดโกนเป็นต้น
3. การถ่ายทอดจากมารดาไปสู่บุตร
วิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันคือ รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น อย่างการทานข้าวก็ควรใช้ช้อนกลาง ทุกครั้ง
ทำอย่างไรเมื่อติดเชื้อ ในการตรวจนั้นแพทย์จะใช้วิธีตรวจเลือดเป็นสำคัญ ซึ่งในรายที่เป็นแบบเฉียบพลันนั้น จำเป็นต้องพักผ่อนมาก ๆ รักษาร่างกายให้แข็งแรง ไม่นานก็จะหายเป็นปกติเอง
แต่สำหรับรายที่เป็นแบบเรื้อรังนั้น วิธีการรักษาจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ถ้าเป็นผู้ป่วยที่ไม่ปรากฎอาการอาจไม่ต้องใช้ยา แต่แพทย์จะทำการตรวจดูการทำงานของตับทุกปี ส่วนรายที่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง แพทย์อาจจะใช้ยาด้วย ไม่นานผู้ป่วยก็จะหายเป็นปกติ แม้ไวรัสจะไม่หายขาด แต่การติดตามผลอย่างตอ่เนื่องก็สามารถยับยั้งไม่ให้เป็นตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "วิธี การดูแลรักษาตัวเองที่ดี คือ ไม่ทานยาพร่ำเพรื่อ มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย งดดื่มเหล้า ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก ๆ ปี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้แล้ว "ถึงแม้ว่าไวรัสตับอักเสบบี จะเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวแต่ถ้าเพื่อน ๆ ชาวที่นี่หมั่นดูแลรักษาร่างกายตามที่คุณหมอแนะนำ ก็เป็นการป้องกันโรคที่ดีได้แล้วนะคะ หรือไม่เพื่อน ๆ อาจจะไปขอฉีดยาป้องกันไวรัสตับอักเสบบีกันไว้ก่อนก็ได้ด้วยนะคะ
Play Scary Maze Game
All Games
Cool Maths Games
Free Classic Arcade Games
Free Games Right Now
Online Action Games
Online Games For Children
Play Free Fun Games Online Now
Cool Games To Play
Driving Free Online No Downloading Games
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น